วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พระราชวังบางปะอิน


           พระราชวังบางปะอิน  ตั้งอยู่ตำบลบ้านเลน  อำเภอบางปะอิน  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เป็นพระราชวังที่สวยงามมาก  มีสถานที่่าเที่ยวน่าชมและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวอยุธยาอีกแห่งหนึ่ง
  มีประวัติมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรี  ดังได้กล่าวไว้ในหนังสือประชุมพงศาวดารภาคที่  69 ว่า  สมเด็จพระเอกาทศรถได้เสด็จประพาสลำน้ำเจ้าพระยา  ขณะเสด็จกลับเกิดพายุพัดหนัก  เรือพระที่นั่งล่มลง  จึงทรงว่าน้ำมาขึ้นที่เกาะนี้ (หมายถึงเกาะบางปะอิน)  และได้ประทับอยู่ที่บ้านราษฎรผู้หนึ่งบนเกาะหนึ่งคืน  เป็นเหตุให้ได้หญิงชาวบ้านนั้นเป็นหม่อมห้าม  ต่อมานางนั้นมีบุตรชายเกิดขึ้น  สมเด็จพระเอกาทศรถทรงรับกุมารนั้นไปเลี้ยงดู  แต่มิได้รับเปิดเผยว่าเป็นราชโอรสและว่ากุมารนั้นมีบุญญาธิการมากต่อมาได้ครองราชสมบัติ  เดิมมีผู้สันนิษฐานว่าเป็นพระเจ้าปราสาททอง  แต่บัดนี้นักประวัติศาสตร์บางท่านสันนิษฐานว่ากุมารองค์นั้นคือพระเจ้าทรงธรรม  ส่วนพระเจ้าปราสาททองนั้นเป็นโอรสของพระยาศรีธรรมาธิราชผู้เป็นพี่ชายพระชนนีของพระเจ้าทรงธรรม  ประมาณ  พ.ศ.2175  พระองค์ได้ทรงอุทิศบ้านเดิมของราชตระกูลของพระองค์  สร้างวัดชุมพลนิกายาราม  ขุดสระขุดคลองกลางเกาะและสร้างพระที่นั่งไอสวรรยทิพยอาสน์ขึ้น  ถึงเเดือนยี่ปลายปีนั้นโปรดให้โสกันต์ (โกนจุก)  พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอิน  ซึ่งเป็นโอรสนอกราชสมบัติที่เกาะบ้านเลน (คือเกาะบางปะอิน)  ภายหลังจึงเรียกว่าเกาะบางปะอิน  เมื่อโสกันต์แล้้วจึงได้รับพระราชทานนามว่า  "เจ้าฟ้าไชย"

          คำว่า "บางปะอิน"  นั้น  นอกจากจะได้เค้ามาจากพระนามของพระเจ้าลูกเธอ "พระองค์อิน"  ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าปราสาททองซึ่งไปทำพิธีโสกันต์ที่เกาะนี้แ้ล้ว  ยังมีผู้ให้ความหมายว่า  หมายถึงเกาะซึ่งสมเด็จพระเอาทศรถมาพบนางอิน  โดยได้อธิบายไว้ดังนี้  บาง  แปลว่า ลำน้ำเล็ก ๆ  
ปะ  แปลว่า  พบ  อิน  เปนชื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพบและได้เป็นบาทบริจาริกา  
          เกาะบางปะอินเป้นที่สำหรับเสด็จประพาสของพระเจ้าแผ่นดินที่ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยาภายหลังสมเด็จพระเจ้าปราสาททองต่อมาอีกหลายรัชกาล  เพราะอยู่ไม่ห่างไกลพระนครมากนัก  ครั้นย้ายราชธานีไปอยู่กรุงเทพฯ  ซึ่งไกลจากพระราชวังบางปะอินไปมากพระราชาธิบดีจึงไม่ได้เสด็จประพาส  เกาะนี้จึงถูกทิ้งให้ร้างมา  80  ปี  จนถึงรัชกาลที่ 4 มีเรือกลไฟสำหรับใช้เป็นพาหนะขึ้นในประเทศไทย  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเสด็จประพาสทางชลมารค  ได้เสด็จไปประพาสเมืองต่าง ๆ ซึ่งอยู่ตามลำน้ำและชายทะเลหลายแห่ง  และครั้งหนึ่งได้เสด็จประพาสจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ขากลับทรงล่องเรือผ่านเกาะบางปะอินทอดพระเนรเห็นดงมะม่วงร่มรื่นเป็นที่พอพระราชหฤทัย  จึงโปรดให้สร้างพระตำหนักขึ้นในบริเวณวังเก่า  ครั้งกรุงศรีอยุธยา  พระราชทานนามพระตำหนักที่ทรงสร้างใหม่นี้ว่า
"พระที่นั่งไอสวรรยทิพยอาสน์"  ตามนามปราสาทองค์เดิมที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างไว้ริมสระ  และเมื่อได้ทรงสร้างพระตำหนักขึ้นแล้วก็เสด็จมาประพาสเนือง ๆ แต่ในรัชกาลที่  4  ยังไม่ได้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่  คงสร้างเพียงพระตำหนักเท่านั้น  ต่อมาในรัชกาลที่ 5 ได้โปรดให้สร้างพระราชวังขึ้นแล้วเสด็จเมื่อ  พ.ศ.2415  งานมหกรรมสมโภชในปี พ.ศ.2419  ตั้งแต่นั้นมาพระองค์ได้เสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินเป็นประจำทุกปี  โดยเสด็จทั้งทางเรือและทางรถไฟ  จนถึงกับมีสถานีรถไฟพิเศษสำหรับพระองค์และเจ้านายที่ตามเสด็จโดยเฉพาะอีกแห่งหนึ่งที่บางปะอิน  ยังปรากฎอยู่ทุกวันนี้   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น